*** “พึงเดินออกมาจากการแช่กับสิ่งเดิมๆซะบ้าง” ***
หวัดดียามเช้า
เรายึดอะไร…ทำไมต้องไหลไปในสิ่งที่ตนยึด
นี่..เราไม่ค่อยได้พิจารณา
จิตเราขาดภาวะแห่งพุทธะที่จะมาสอดส่องพฤติกรรมแห่งตน
เราอยากจะได้อยากจะเอา ไม่มีที่สิ้นสุด
ออกไปจากตัณหาเหล่านี้ไม่ได้
นี่..เหตุเกิดจากการขาดการพิจารณา
ชีวิตนั้น ความจริงกับจินตนาการ มันแตกต่างกัน
พึงเลือกในหนทางที่เราเห็นควร แม้โลกจะประนามว่าใจร้ายก็ตาม
ดีกว่าจมกับความทุกข์ที่ไม่ชอบใจและไม่ได้ดั่งใจไปตลอดชีวิต
คนเรานั้น เมื่อมีดวงตาพบเห็นความจริง
จิตแห่งมโน ความฝัน และจินตนาการ ย่อมผกผันเปลี่ยนไป
เป็นแต่คนที่จมแช่กับสิ่งที่เป็นไป มักไม่ยอมรับความเป็นจริง
คนเวลาเกิดรักแล้วมักมืดมัวไร้ปัญญา
มันจะทะยานดึงดันเพื่อให้ได้มา จนเจ็บปวดใจตนเองเสมอ
หากแยกความรักกับกามที่หื่นด้วยตัณหาไม่ออก
ชีวิตมีแต่ระแวดระแวงระวังไร้ความสุข ในรักที่ตนก่อ
ความสุขแห่งชีวิต คือ การอยู่เหนือสมมุติด้วยจิตวิญญานแห่งปัญญาที่เข้าใจธรรมดาของโลก
มนุษย์นั้น ยึดติดกับรูปแบบที่ตั้งมั่นกับสัญญาจำกันมากเกินไป
ทำให้มนุษย์ติดกับดักมนต์ตราแห่งโซ่ตรวน ที่ตนสร้างขึ้นมา จนไปไหนไม่ได้ ด้วยโซ่ตรวนแห่งอัตตาตน
” แม้ธรรมก็ไม่ควรไปยึดมั่น ” คำๆนี้นั้นสำคัญไฉน
————–
ความเจ็บปวดแห่งรัก คือ ไม่รู้จักว่ารักนั้นมีคมซ่อนอยู่ภายใน
หากรู้จักคมแห่งรัก ผู้ที่รักก็จะสามารถระวังคมมันได้
พระธรรมเทศนา วันที่ 18 กันยายน 2562
โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง